<< Go Back

               1. เพื่อให้นักเรียนสามารถทำการทดลองเปรียบเทียบการสนองของปลายยอดพืชเมื่อได้รับแสง
               2. เพื่อให้นักเรียนสามารถวิเคราะห์ อภิปราย และสรุปการโค้งงอเข้าหาแสงของปลายยอดพืช

               1. เมล็ดข้าวโพด
               
               2. กระบะเพาะเมล็ด
                 
               3. ภาชนะสำหรับปลูก เช่น กระถาง
               
               4. กล่องกระดาษทึบ
               
               5. กระดาษตะกั่ว หรือ กระดาษดำ
               

              1. เพาะเมล็ดข้าวโพดในกระบะเพาะเมล็ดโดยเก็บไว้ในที่มืด 1-2 วัน จนเมล็ดข้าวโพดงอก มีเยื่อหุ้มยอดแรกเกิดสูงประมาณ 2 cm นำมาปลูกลงในภาชนะสำหรับปลูกจำนวน 9 ต้น โดยแบ่งปลูกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 3 ต้น ดังนี้
              กลุ่มที่ 1 ตัดปลายยอดแรกเกิดที่มีเยื่อหุ้มออกประมาณ 0.5-1 cm
              กลุ่มที่ 2 นำกระดาษตะกั่ว หรือกระดาษดำพับเป็นหมวกครอบไว้
              กลุ่มที่ 3 อยู่ในสภาพปกติ
              2. นำกล่องทึบที่ด้านในมีสีดำเจาะรูที่ด้านหนึ่งของกล่องให้มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 2 cm และอยู่ในระดับเดียวกับปรายเยื่อหุ้มยอดแรก เกิดของข้าวโพด นำกล่องมาครอบกระถางที่ปลูกต้นกล้าของข้าวโพดไว้ดังภาพ

              3. ตั้งการทดลองนี้ไว้ใกล้หน้าต่าง หรือโคมไฟประมาณ 1 วัน แล้วนำกล่องที่ครอบออก สังเกตผลการทดลอง และบันทึกข้อมูล

ผลการทดลองที่ได้ คือ

กลุ่มที่ ผลการทดลอง
1 ยอดพืชไม่เจริญเติบโต แต่ตั้งตรง
2 ยอดพืชเจริญเติบโต และตั้งตรง
3 ยอดพืชเจริญเติบโตโค้งงอเข้าหาแสง

            การทดลองนี้ควรมีสมมติฐานว่า ขณะที่พืชมีการเจริญเติบโตปลายรากจะเจริญเข้าหาแรงโน้มถ่วงของโลก ส่วนปลายยอดจะเจริญทิศทาง ตรงข้ามกับแรงโน้มถ่วงของโลก

ตัวแปรต้น ตำแหน่งของเมล็ดถั่วที่จัดวางอยู่ในลักษณะที่ต่างกัน
ตัวแปรตาม การโค้งงอของปลายราก และปลายยอด
ตัวแปรควบคุม ชนิดและขนาดของเมล็ดพืช ความสมบูรณ์และความแก่อ่อน ของเมล็ดพืชปริมาณความชื้นและอากาศในกล่อง ปริมาณแสง ที่เมล็ดพืชได้รับ

            การทดลองนี้ถ้าไม่ใช้พลาสติกดำมาคลุมกล่อง ผลการทดลองอาจจะไม่เหมือนกัน เพราะแสงอาจมีผลต่อการเจริญของปลายยอด และปลายรากของเมล็ดถั่ว

สรุปได้ว่า ขณะที่พืชมีการเจริญเติบโต ปลายรากพืชจะเจริญเข้าหาแรงโน้มถ่วงของโลก ส่วนปลายยอดจะเจริญหนีแรงโน้มถ่วงของโลก เสมอไม่ว่าจะวางเมล็ดพืชให้อยู่ในตำแหน่งใด

 

<< Go Back