1วัคซีนBCGป้องกันวัณโรค
- ฉีด0.1MLที่ไหล่ซ้าย
- ถ้าไม่มีแผลเป็นเกิดขึ้นถ้าไม่มีหลักฐานว่าเคยได้มาก่อน ให้ฉีดซ้ำเมื่ออายุ6เดือน
- ถ้าเคยได้วัคซีนมาก่อน ไม่ต้องฉีดซ้ำแม้ว่าจะไม่มีแผล
2วัคซีนป้องกันตับอักเสบบี
1.
เด็กทุกคนต้องได้รับวัคซีนอย่างน้อย 3 เข็มถ้าไม่มีข้อห้ามและเข็มสุดท้ายต้องอายุมากกว่าหรือเท่ากับ 6 เดือน
2.
ทารกที่คลอดจากมารดาที่ HBsAg ให้ผลลบ หรือไม่ทราบผลก็ให้ฉีดวัคซีนจำนวน 3 ครั้งเมื่อแรกเกิด อายุ1-2เดือน และอายุ 6 เดือน
3.
ทารกที่คลอดจากมารดาที่ HBsAg ให้ผลบวก(โดยเฉพาะถ้าHBeAg เป็นบวกด้วย) พิจารณาให้ภูมิต่อเชื้อไวรัสตับอักเสบบี HBIG 0.5 ซีซีภายใน 12 ชั่วโมงหลังคลอด และให้วัคซีนครั้งที่1พร้อมๆกันคนละตำแหน่งกับที่ฉีด HBIG วัคซีนเข็มที่2 ให้เมื่ออายุ1-2 เดือน และครั้งที่3เมื่ออายุ 6 เดือน
4.
ถ้ามารดามี HBsAg ให้ผลบวก แต่ไม่มียา HBIG ควรให้วัคซีนเข็มที่1 ภายใน 12 ชั่วโมงหลังคลอด เข็มที่2 และเข็มที่3 ให้เมื่ออายุทารก 1 เดือน และ 6 เดือนตามลำดับ
5.
กรณีมาทราบภายหลังว่ามารดามี HBsAg ให้ผลบวก ควรพิจารณาให้ HBIG ถ้าทารกได้วัคซีนมาแล้วไม่เกิน 7 วัน
6.
ตามแผนการสร้างภูมิคุ้มกันโรคของกระทรวงสาธารณสุขให้วัคซีนรวมที่มีทั้ง คอตีบ บาดทะยัก ไอกรน และไวรัสตับอักเสบบี (DPT-HB) ที่อายุ 2 4 และ 6 เดือน แต่ถ้ามารดามี HBsAg ให้ผลบวกและทารกไม่ได้ HBIG ควรให้วัคซีนตับอักเสบบีเดี่ยวเพิ่มตอนอายุ 1 เดือนด้วย(รวมเป็น 5 ครั้ง)
7.
เด็กที่ไม่เคยฉีดวัคซีนตับอักเสบบีมาก่อนเด็กอายุน้อยกว่า 11 ปีสามารถฉีดวัคซีนในเดือนที่ 0,1,6 ตามลำดับ ส่วนเด็กอายุ 11-15 อาจฉีดเพียง 2 ครั้งในเดือนที่ 0 และ4-6 ให้ใช้วัคซีนขนาด 1 ซ๊ซี เท่าผู้ใหญ่
8.
เด็กที่คลอดมาจากมารดาที่มี HBsAg ให้ผลบวก อาจจะพิจารณาตรวจ HBsAG และ Anti-HBs เมื่ออายุ 9-18 เดือน
3วัคซีนคอตีบ บาดทะยัก ไอกรน
1.
สามารถใช้ชนิดไร้เซลล์( DTaP) แทนชนิดทั้งเซลล์ (DTwP)ได้ทุกครั้ง
2.
หากใช้ชนิดDTaP ก็ควรใช้ทั้ง 3 ครั้งเมื่ออายุ 2,4,6 เดือนถ้าไม่สามารถหาชนิดเดียวกันได้ ก็ใช้ชนิดใดก็ได้
3.
สำหรับเข็มกระตุ้น 18 เดือนอาจจะใช้ DTwP หรือ DTaP ชนิดใดก็ได้ เมื่ออายุ 4-6 ปีอาจจะใช้ DTwP หรือ DTaP หรือ Tdap ก็ได้
4.
เด็กอายุ11-12 ปีควรจะได้รับ Tdap หรือ Td ไม่ว่าจะได้ Tdap
5. เมื่ออายุ4-6ปีมาก่อนหรือไม่ หลังจากนั้นควรกระตุ้นด้วย Td ทุก 10 ปี
6. สำหรับการฉีดกระตุ้น Td ทุก10ปี ควรจะมีคั้งหนึ่งที่ใช้ Tdap
4วัคซีนป้องกันโปลิโอ
1. สามารถใช้ชนิดฉีด (ปัจจุบันรวมอยู่กับวัคซีนป้องกันคอตีบ ไอกรน บาดทะยัก)แทนชนิดกินได้ทุกครั้ง
2. หากใช้ชนิดกินสลับกับชนิดฉีดต้องให้ 5 ครั้งตาม OPV
3. การให้วัคซีนป้องกันโปลิโอเกินกว่าที่กำหนด ไม่มีข้อเสีย และสามารถรับ OPV เพิ่มในช่วงที่มีการรณรงค์หยอดวัคซีนเพื่อกวาดล้างโปลิโอได้
5หัด หัดเยอรมัน คางทูม
1. ให้วัคซีนครั้งแรกเมื่ออายุ 9-12 เดือน ครั้งที่2เมื่ออายุ 4-6 ปีควรพิจารณาให้ฉีดเร็วๆ(9 เดือน) ในพื้นที่ที่ยังมีรายงานผู้ป่วยโรคหัดจำนวนมากในเด็กอายุต่ำกว่า 1 ปี
2.
การฉีดเข็มที่2อาจจะให้ได้ตั้งแต่อายุ 2ปีครึ่งตามแผนปฏิบัติงานของกระทรวงสาธารณสุข
3.
กรณีที่มีการระบาดหรือสัมผัสโรค อาจฉีดเข็มที่2 เร็วขึ้นก่อนอายุ 4 ปีก็ได้ โดยต้องห่างจากเข็มแรกอย่างน้อย 3 เดือน
4.
กรณีที่ต้องการฉีดวัคซีนป้องกันหัด หัดเยอรมัน คางทูมและอีสุกอีใสในเวลาเดียวกัน สามารถใช้วัคซีนรวม หัด หัดเยอรมัน คางทูมและอีสุกอีใส MMRV แทนการฉีดแบบแยกเข็มได้ทุกครั้งในเด็กอายุตั้งแต่ 1-12 ปี การใช้วัคซีนรวม MMRV ที่อายุ 4-6 ปีแทนการฉีดวัคซีนแบบแยกเข็มพบว่ามีอาการข้างเคียงไม่แตกต่างกัน การใช้วัคซีนรวม MMRV ในเด็กอายุ 12-23 เดือนมีโอกาศเกิดการชักจากไข้ได้มากกว่าการฉีดแบบแยกเข็ม กรณีที่เคยได้วัคซีน MMR หรือ VZV มาก่อนแนะนำให้ใช้วัคซีนรวม MMRV ห่างจากวัคซีน MMR ครั้งก่อนหรือ VZV มาก่อนอย่างน้อย 3 เดือน
6วัคซีนป้องกันฮีบ HIB
1. ปัจจุบันมีวัคซีน 2 ชนิดคือ conjugated กับ PRP-T และHbOC ในเด็กไทยแนะนำให้ฉีด 3 ครั้งเมื่ออายุ 2, 4 และ 6 เดือน
2. การฉีดเข็มกระตุ้นที่อายุ 12-18 เดือน อาจไม่จำเป็นต้องฉีดในเด็กแข็งแรง ควรฉีดในผู้ที่มีความเสี่ยง
3. ไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนฮีบในเด็กปกติทีอายุ 2 ปีขึ้นไป
7ไข้สมองอักเสลเจอี
1.
วัคซีนชนิเชื้อไม่มีชีวิต (inactivated vaccine ) ปัจจุบันมีสองชนิดคือ mouse-brain derived vaccine (MBV) ซึ่งอยู่ในแผนของกระทรวงสาธารณสุข และสายพันธื P3 เพาะเลี้ยงใน vero cell (JEVAC) ทั้งสองชนิดฉีดสามครั้งเริ่มเมื่ออายุ 9-18 เดือนเข็มต่อมาอีก 4 สัปดาห์ และ 1 ปี ปีตามลำดับ สำหรับ MBV อาจจะพิจารณาให้ฉีดกระตุ้นอีกหนึ่งครั้ง ห่างจากเข็มสามอย่างน้อย 4-5ปี
2.
วัคซีนชนิดเชื้อมีชีวิต (live JE) ใช้สายพันธ์ 14-14-2 ให้ฉีดสองครั้งมี สองชนิดคือ CDJAX เริ่มฉีดเมื่ออายุู 9-12 เดือน และเข็มที่2 อีก 3-12 เดือน อีกชนิดคือ Chimeric JE (MOJAV) เริ่มฉีดที่อายุ 12 เดือนและเข็มที่สองอีก 12-24 เดือนต่อมา สามารถใช้วัคซีนชนิด live je แทนชนิด MBV ได้ทั้งในการฉีดชุดแรก และการฉีดกระตุ้น
3.
ยังไม่มีข้อมูลการใช้ live je ต่างชนิดกันทดแทนกัน
8ตับอักเสบเอ
1. มีสองชนิดคือ formalin-inactivated vaccine และ virosome vaccine
2. ฉีดได้ตั้งอายุ 1 ปีขึ้นไปฉีด 2 เข็มห่างกัน 6-12 เดือนใช้ต่างชนิดได้ในการฉีดแต่ละครั้ง
9อีสุกอีใส
1.
ฉีดได้ตั้งแต่อายุ 1 ปีขึ้นไป แนะนำให้ฉีดเข็มแรกอายุ 12-18 เดือน
2.
พิจารณาให้ฉีดเข็มที่สองเมื่ออายุ 4-6 ปี อาจจะฉีดเข็มที่สองก่อนอายุ 4 ปีก็ได้ในกรณีที่มีการระบาดแต่ต้องห่างเข็มแรกอย่างน้อย 3 เดือน
3.
พิจารณาให้วัคซีนนี้แก่เด็กที่มีอายุมากกว่า 1 ปีที่ยังไม่เคยเป็นอีกสุกอีใส
4.
ถ้าอายุมากกว่า 13 ปีให้ฉีดสองเข็มห่างกันอย่างน้อน 1 เดือน
10ไข้หวัดใหญ่
1.
พิจารณาให้ฉีดในเด็กอายุ 6 เดือนขึ้นไปถึง 18 ปีโดยเฉพาะเด็กอายุน้อยกว่า2 ปี และเด็กที่มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรครุนแรงเช่นเด็กที่จะเป็นโรคเรื้อรัง(รวมหอบหืด) โรคหัวใจ โรคอ้วนที่ BMIมากกว่าหรือเท่ากับ 35 ภูมิคุ้มกันบกพร่อง และโรคเรื้อรังเป็นต้น
2.
ถ้าอายุน้อยกว่า 9 ปี การฉีดครั้งแรกต้องฉีดสองเข็มห่างกันหนึ่งเดือน กรณีที่ปีแรกได้ไปฉีดเพียงครั้งเดียว ปีต่อมาให้ฉีดสองครั้งหลังจากนั้นให้ฉีดปีละครั้ง
3.
ในเด็กอายุน้อยกว่า 3 เดือนให้ลดขนาดลงครึ่งหนึ่ง (0.25 ซีซี)
11นิวโมคอคคัส ชนิดคอนจูเกต
1.
ควรให้ในผู้ที่มีความเสี่ยงต่อโรคนี้ชนิดรุนแรง (invasive disease) หรือรุนแรง ดังตาราง และในเด็กแข็งแรงปกติที่อายุน้อยกว่า 5 ปี ที่ประสค์จะป้องกันโรค
2.
ปัจจุบันมีวัคซีนชนิด10สายพัน์( PCV10) และชนิด13สายพันธ์( PCV13 ) ให้สามครั้งเมื่ออายุ 2,4,6 เดือน และให้ฉีดกระตุ้นเมื่ออายุ 12-15 เดือนโดยห่างจากเข็มสุดท้ายอย่างน้อย 2 เดือนหากเริ่มฉีดว้าให้ฉีดตามตาราง
3.
เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปีกรณีที่ได้ PCV7 ครบแล้ว 4 ครั้งพิจารณาให้ PCV13 อีกหนึ่งครั้งห่างจาก PCV7 เข็มสุดท้ายอย่างน้อย 8 สัปดาห์เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันต่อสายพันธ์ที่เพิ่มเติมขึ้น
12โรต้า
1.
ชนิด Monovalent ให้กินสองครั้งเมื่ออายุประมาณ 2 และ 4 เดือน
2. ชนิด Pentavalent ให้กินสามครั้งเมื่ออายุ 2,4 และ 6 เดือน
3.
วัคซีนทั้งสองชนิด สามารถเริ่มให้ครั้งแรก เมื่ออายุ 6-15 สัปดาห์ และครั้งสุดท้ายอายุไม่เกิน8เดือน แต่ละครั้งห่างกันไม่น้อยกว่า 4 สัปดาห์
4.
ควรใช้วัคซีนชนิดเดียวกันจนครบ หากจำเป็นต้องใช้วัคซีนต่างชนิดกันในแต่ละครั้ง ต้องให้วัคซีนทั้งหมด 3 ครั้ง
5.
สามารถให้วัคซีนโรต้าร่วมกับวัคซีนโปลิโอชนิดกินได้
6.
ห้ามใช้วัคซีนในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง severe combined immune deficiency และในเด็กที่มประวัติีลำไส้กลืนกัน
13เอชพีวี HPV
1.
มีสองชนิดคือ ชนิดสองสายพันธ์ ( bivalent มีสายพันธ์ 16 และ18)และชนิด 4 สายพันธ์(quavalent มีสายพันธ์ 6,11,16,18)
2.
แนะนำให้ฉีดในผู้หญิงอายุ 9-26 ปี(เน้นให้ฉีดในช่วงอายุ 11-12 ปีโดยฉีด 3 เข็มเดือนที่ 0,1-2 และ 6
3.
ประสิทธิภาพจะสูงหากฉีดในผู้ที่ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อน
4.
การฉีดในผู้ที่อายุมากกว่า 26 ปีอาจพิจารณาให้เป็นกรณีๆไป
5.
การฉีดในเด็กผู้ชายพิจารณาให้ฉีดเฉพาะ 4 สายพันธ์ ในช่วงอายุ 9-26ปีเน้นให้ในช่วงอายุ 11-12 ปี และในกลุ่มชายรัก๙ายอายุ 9-26ปี
https://www.siamhealth.net/public_html/vaccination/Vaccine_child.htm
|