สัตว์บางชนิดสามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็วเมื่อได้รับแสง เช่น
- การหรี่ตาเมื่อได้รับแสงสว่างมากเกินไป
- การที่แมลงต่างๆ บินเข้าหาแสงสว่าง
- เมื่อเกิดสุริยุปราคา นกจะบินกลับรัง เนื่องจากมีสภาพคล้ายเวลาพลบค่ำ
- การหนีแสงของไส้เดือนดิน แมลงสาบ
- การให้แสงสว่างในการเลี้ยงไก่ เพื่อให้ไก่กินอาหารเป็นเวลานาน ทำให้เจริญเติบโตเร็วในระยะเวลาสั้นกว่าปกติ
- สัตว์บางชนิดออกหาอาหารในเวลาที่เริ่มมีแสงสว่าง เช่น การที่นกบินออกจากรังในตอนเช้า และบินกลับในเวลาเย็น
- ไก่ขันบอกเวลาในตอนเช้า แต่ก็มีสัตว์บางชนิดจะออกหาอาหารในเวลาที่ไม่มีแสงสว่าง เช่น นกฮูก ค้างคาว นกเค้าแมว หนูชะมด อีเห็น เริ่มออกหาอาหารในเวลากลางคืน
แมลงเม่าบินเข้ากองไฟ และไก่ขันในเวลาเช้า
สัตว์จะดำรงชีวิตในสภาวะที่มีอุณหภูมิที่เหมาะสม ถ้าอุณหภูมิเปลี่ยนไป สิ่งมีชีวิตจะมีพฤติกรรมที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ เพื่อความปลอดภัยและการดำรงชีวิตได้อย่างเหมาะสม
การตอบสนองเมื่ออากาศร้อนหรือมีอุณหภูมิสูง
- สุนัข วัว ควาย แกะ จะระบายความร้อนโดยการหอบ เพื่อให้น้ำระเหยออกทางปาก
- แมว กระต่าย จิงโจ้ จะระบายความร้อนโดยการเลียอุ้งเท้า และการระเหยของน้ำลายจะพาความร้อนออกไป
- ควายจะหนีร้อนด้วยการแช่ในแอ่งน้ำ
- สัตว์เลื้อยคลาน เช่น จิ้งเหลน กิ้งก่า งู จะหลบร้อนอยู่ตามโพรงไม้หรือในที่ร่ม
แมวระบายความร้อนโดยการเลียอุ้งเท้า
การตอบสนองเมื่ออากาศเย็นหรืออุณหภูมิต่ำ
- นกบางชนิด เช่น นกนางแอ่นบ้านและนกปากห่าง ที่อาศัยอยู่แถบไซบีเรียจะอพยพย้ายถิ่นมายังไทย
- สัตว์บางชนิด เช่น กระรอกลาย หมี สกังค์ ดอร์เม้าส์จะหนีอากาศหนาวด้วยการจำศีล
- สัตว์เลื้อยคลาน เช่น จิ้งเหลน กิ้งก่า งู จะนอนผึ่งแดด
- หมีในเขตหนาวจะมีขนหนาปกคลุม เพื่อป้องกันความหนาวเย็น
นกปากห่างอพยพย้ายถิ่นมายังไทย และหมีมีขนหนาปกคลุมเพื่อป้องกันความหนาวเย็น
เมื่อสภาพแวดล้อมมีปริมาณน้ำไม่เหมาะสม สัตว์บางชนิดจะปรับตัวให้เหมาะสม ดังตัวอย่างต่อไปนี้
- ไส้เดือนจะเคลื่อนที่เข้าหาความชื้น เพื่อให้ผิวหนังชุ่มชื้น เนื่องจากไส้เดือนหายใจ โดยใช้ผิวหนังจึงจำเป็นที่ผิวหนังจะต้องชุ่มชื้นตลอดเวลา
- น้ำทำให้สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ เช่น กบ คางคก ออกหากินในเวลากลางคืน เพื่อให้มีความชื้นพอเหมาะ
- สัตว์ทะเลทรายจะออกหากินในเวลากลางคืนเพื่อลดการสูญเสียน้ำ
กิ้งกือขดหัวเข้าเมื่อถูกสัมผัส
สัตว์จะมีประสาทสัมผัสอยู่ที่บริเวณผิวหนัง ดังนั้นเมื่อได้รับการสัมผัสระบบประสาทกับระบบกล้ามเนื้อจะทำงานประสานกัน และแสดงอาการตอบสนองสิ่งเร้าได้ ดังตัวอย่างต่อไปนี้
- อึ่งอ่างเมื่อได้รับการสัมผัสจะพองตัว
- กิ้งกือจะขดหัวเข้าด้านในเมื่อถูกสัมผัส
- หอยชนิดต่างๆ จะหุบฝาหรือหดตัวเข้าในเปลือก
แม่ไก่ส่งเสียงร้องให้ลูกหลบมาซุกใต้ปีก
สัตว์จะมีประสาทที่สำหรับรับเสียงซึ่งเป็นสิ่งเร้าที่สำคัญ เช่น
- แม่ไก่จะส่งเสียงร้องเรียกให้ลูกหลบมาซุกใต้ปีกเมื่อศัตรูเข้ามาใกล้
- โลมา และค้างคาวสามารถส่งเสียงไปกระทบวัตถุแล้วรับเสียงสะท้อนกลับ เป็นการกำหนดสถานที่ของวัตถุ หรือแหล่งอาหาร เป็นต้น
สัตว์หลายชนิดใช้กลิ่นเป็นเครื่องมือในการหาอาหาร หาคู่ผสมพันธุ์ เตือนภัยหรือกำหนดอาณาเขต เช่น
- ปัสสาวะของหนูเพศผู้ที่อาศัยอยู่ตามบ้านเรือนทั่วไป จะสามารถกระตุ้นให้หนูเพศเมียพร้อมที่จะรับการผสมพันธุ์
- สุนัขปัสสาวะทิ้งไว้ตามจุดต่างๆ เป็นระยะๆ เพื่อแสดงอาณาเขตหรือทางเดิน
- กระต่ายปัสสาวะรดสมาชิกทุกตัวในครอบครัวเพื่อจะได้จดจำกันไว้
- การจำกลิ่นของพวกเดียวกันพวกผึ้ง
- การเดินตามรอยกลิ่นของพวกมด
ถ้าสัตว์อยู่ในสภาพแวดล้อมต่างๆ เช่น สภาพภูมิอากาศที่เลวร้ายภาวะทุพโภชนาการ หรือฝูงสัตว์ที่มีขนาดใหญ่เกินไปสามารถทำให้สัตว์เกิดความเครียดได้ ทำให้สัตว์มีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไป เช่น พฤติกรรมการต่อสู้หรือพฤติกรรมการอพยพย้ายถิ่น เป็นต้น
https://sites.google.com/site/siteskoota/1-kar-txb-snxng-tx-sing-rea-khxng-satw/1-2
|