1. เพื่อให้นักเรียนสามารถสืบค้นข้อมูลและอธิบายอันตรายของสารบางชนิดที่เจือปนอยู่ในอากาศที่มีต่อระบบหายใจ
2. ตระหนักถึงความสำคัญของอวัยวะในระบบหายใจ ตลอดจนการป้องกันหรือหลีกเลี่ยงสารที่ก่อให้เกิดอันตราย ต่ออวัยวะในระบบหายใจ
1. สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับกับอันตรายของสารต่างๆ ที่เจือปนในอากาศต่อระบบหายใจของคน รวมทั้งวิธีป้องกันและแก้ไข
2. อภิปราย และ นำเสนอผลการสืบค้นข้อมูล
สิ่งเจือปนที่เป็นต้นตอของอากาศ เราแยกสิ่งเจือปนในอากาศออกเป็น 10 ประเภทด้วยกัน ซึ่งบางอย่างเรามองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่บางอย่างเรามองไม่เห็น
อันดับแรก ได้แก่ควันบุหรี่ ซึ่งเป็นที่ ยอมรับกันแล้วว่าเป็นอันตรายทั้งแก่ผู้ที่สูบบุหรี่เอง และผู้ที่ต้องสูดควันของมันเข้าไปโดยไม่ตั้งใจ โดยเฉพาะเด็ก ซึ่งเซลล์ในร่างกายกำลังแบ่งตัวและเติบโตอย่างรวดเร็ว แม้จะยังมี การถกเถียงกันว่าควันบุหรี่ก่อให้เกิดมะเร็งกับคนทั่วไปหรือไม่ แต่ข้อมูลในสหรัฐอเมริกา บ่งว่าผู้ใหญ่ที่ไม่สูบบุหรี่แต่หายใจเอาควันบุหรี่เข้าไป ตายเพราะควันนั้นปีละประมาณ 46,000 คน ซึ่งแยกเป็นการตายจากโรคมะเร็ง 12,400 คน และโรคหัวใจ 32,000 คน
อันดับสอง ได้แก่สารเคมีที่มาจากของใช้ภายในอาคาร เช่น สี น้ำหอม เครื่องสำอาง ยาดับกลิ่น ยาฆ่าแมลง สบู่ และของใช้อื่นๆ ข้อมูลบ่งว่าในสหรัฐอเมริกา สารเคมีที่มีการผลิตเกินปีละ 1 ล้านปอนด์ 3,000 ชนิด ราว 500 ชนิดเป็นส่วนประกอบของเครื่องอุปโภค และหลายชนิดเป็นตัวก่อให้เกิดมะเร็ง เช่น เบนซิน และไวนิลคลอไรด์
อันดับสาม ได้แก่สารเคมีที่ใช้ในการควบคุมสัตว์ที่สร้างปัญหา เช่น ยาฆ่าแมลง และยาเบื่อหนู สารเคมีจำพวกนี้ส่วนหนึ่งถูกประเมินโดยองค์การรักษาสิ่งแวดล้อมแล้วว่าเป็นตัวก่อมะเร็ง
อันดับสี่ ได้แก่เกสรดอกไม้ ซึ่งพากัน บานสะพรั่งออกมาในเวลาเดียวกันในฤดูใบไม้ผลิ แม้ดอกไม้จะประดับทัศนียภาพให้งามตา ทว่าคนส่วนหนึ่งแพ้เกสรของมันและ มีอาการหอบหืด คันตา คันคอ คันจมูกจนน้ำมูกไหล ไอและจาม
อันดับห้า ได้แก่ไรฝุ่น ซึ่งเป็นสัตว์ตัวขนาดเล็กจนมองไม่เห็นด้วยตาเปล่าแต่มีจำนวนมากมายภายในบ้าน อาหารของมันคือเซลล์ ผิวหนังของเราที่ตายและร่วงลงไป ตามพื้น และของอื่นๆ ที่อยู่ในบ้าน พวกมันอาศัยอยู่ในพรม ฝ้าปูที่นอน และผ้าม่าน และถ่ายไว้ ทั่วบ้านจนทำให้บางคนแพ้และมีอาการเช่นเดียวกับการแพ้เกสรดอกไม้
อันดับที่หก ได้แก่ควันและสารที่เกิดจากการใช้เตาเผาเชื้อเพลิงในสถานที่ซึ่งมีการถ่ายเทอากาศไม่เพียงพอ โดยเฉพาะในประเทศด้อยพัฒนาที่ใช้เตาเผาไม้ถ่าน และมูลสัตว์ การเผาไหม้ของเชื้อเพลิงจำพวกนี้มีสารตกค้าง เช่น คาร์บอนมอนออกไซด์ , ไนโตรเจนออกไซด์ , ออกไซด์ของกำมะถัน และสารอื่นๆ ซึ่งเป็นอันตรายเมื่อหายใจ เข้าไปในปอด
อันดับที่เจ็ด ได้แก่ก๊าซเรดอน ซึ่งเกิดในดินและเป็นตัวก่อให้เกิดมะเร็ง ในสหรัฐอเมริการาวหนึ่งในสาม ของผู้ที่เสียชีวิตด้วยมะเร็งในปอด อาศัยอยู่ในบ้านหรืออาคารที่มีสารนี้เกินระดับปลอดภัย บ้านและอาคารที่มีห้องใต้ดินเสี่ยงต่อการมีก๊าซนี้มากที่สุดเพราะมันสามารถซึมผ่านผนังที่มีรอยร้าวได้
อันดับที่แปด ได้แก่สัตว์เลี้ยง เช่น หมา และแมว ซึ่งมีขน เซลล์ผิวหนังที่ตาย น้ำลาย และสิ่งที่มันขับถ่ายออกมา สิ่งเหล่านี้มีโอกาสทำให้เกิดความแพ้แก่ผู้อยู่ในบ้าน
อันดับที่เก้า ได้แก่ละอองจากเส้นใยที่ใช้ ในการก่อสร้าง กั้นห้อง บุฝ้า พันท่อ และอื่นๆ ซึ่งอาจทำด้วยไม้ ใยแก้ว แอสเบสตอส และกระดาษ สิ่งเหล่านี้อาจมีส่วนผสมที่เป็นตัวทำให้เกิดมะเร็ง แม้สหรัฐอเมริกาจะห้ามใช้แอสเบสตอสมากว่า 20 ปีแล้ว แต่ตึกเก่าๆ ยังมีสารนี้อยู่
อันดับที่สิบ ได้แก่จุลินทรีย์ที่อยู่รอบๆตัวเรา เช่น แบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อเห็ดราต่างๆ สิ่งเหล่านี้เป็นที่มาของโรคร้ายหลายอย่าง จากไข้หวัดใหญ่ไปจนถึงวัณโรค
สรูปได้ว่า ในอากาศมีสารหลายชนิดปะปนอยู่ เช่น ฝุ่นละออง เขม่า ควัน ซึ่งมาจากแหล่งต่างๆ นอกจากนี้ยังมีแก๊สบางชนิด เช่น แก๊สคาร์บอนมอนอกไซด์ แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ แก๊สซัลเฟอร์ไดออกไซด์ อยู่ในปริมาณที่สูงกว่าปกติ สิ่งปะปนในอากาศบางชนิดมีผลเสียต่ออวัยวะในระบบหายใจ ก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกายและจิตใจ วิธีป้องกันและแก้ไข คือ ช่วยกันหาวิธีการลดสิ่งปนเปื้อนในอากาศ หลีกเลี่ยงบริเวณที่มีสิ่งเจือปนเหล่านี้ ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ควรใช้ผ้าปิดปากและจมูกไว้ขณะอยู่ในบริเวณดังกล่าว การแก้ปัญหาในระยะยาว เช่น ลดการใช้เชื้อเพลิงที่ก่อให้เกิดแก๊สคาร์บอนมอนอกไซด์ แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์และแก๊สซัลเฟอร์ไดออกไซด์ จัดแบ่งอาณาเขตออกเป็นพื้นที่อยู่อาศัย โรงงานอุตสาหกรรมและพื้นที่สีเขียว เป็นต้น
|
|