1. เพื่อให้นักเรียนสามารถระบุส่วนประกอบต่างๆ ของดอกไม้ได้
2. เพื่อให้นักเรียนสามารถจำแนกประเภทของดอกไม้โดยใช้เกณฑ์ต่าง ๆ ได้
1. น้ำ 10 ลูกบาศก์เซนติเมตร |
2. ดอกผักบุ้ง 1 ดอก |
3. ดอกบัวหลวง 1 ดอก |
4. ดอกกล้วยไม้ 1 ดอก |
5. ดอกตำลึง 1 ดอก |
6. ใบมีดโกน 1 ดอก |
7. กาวลาเท็กซ์ 1 ดอก |
8. กระดาษวาดเขียน ขนาด
20 cm. x 30 cm. 1 แผ่น |
9. แว่นขยาย 1 อัน |
10. กล้องจุลทรรศน์ 1 กล้อง |
11. สไลด์และกระจกปิดสไลด์ 1 ชุด |
12. เข็มหมุด 1 อัน |
13. แท่งแก้ว 1 อัน |
14. หลอดหยด 1 หลอด |
|
1. นำดอกไม้ที่เตรียมมา ได้แก่ ดอกผักบุ้ง ดอกบัวหลวง ดอกกล้วยไม้ และดอกตำลึงมาแกะส่วนประกอบแต่ละชั้นของดอก คือ กลีบเลี้ยง กลีบดอก เกสรตัวผู้ และเกสรตัวเมีย เพื่อสังเกตและเปรียบเทียบลักษณะ จากนั้นจึงนำไปติดในตารางบันทึกผลการทดลอง
2. พิจารณาลักษณะของอับละอองเรณูของดอกไม้แต่ละชนิด จากนั้นจึงใช้ปลายเข็มหมุดเขี่ยอับละอองเรณูของดอกไม้แต่ละชนิด ให้ละอองเรณูลงไปบนกระจกสไลด์ แล้วหยดน้ำลงไปบนละอองเรณู 1 หยด นำแท่งแก้วขยี้ให้ละอองเรณูแตกออก แล้วจึงนำไปส่องดูด้วยกล้องจุลทรรศน์ พร้อมทั้งวาดรูปสิ่งที่สังเกตพบ
3. นำเกสรตัวเมียมาผ่าตามยาวด้วยมีด จากนั้นจึงสังเกตรังไข่และออวุลที่อยู่ภายในโดยใช้แว่นขยาย พร้อมทั้งวาดรูปสิ่งที่สังเกตพบ
สรุปได้ว่า ดอกไม้นานาชนิดนั้น นอกจากจะมีสีต่างกันแล้วยังมีรูปร่าง ขนาด และโครงสร้างของดอกแตกต่างกัน ดอกบางชนิดมีกลีบดอกซ้อนกันหลายชั้น บางชนิดมีกลีบดอกไม่มากนักและมีชั้นเดียว ดอกบางชนิดมีขนาดใหญ่มากบางชนิดเล็กเท่าเข็มหมุด นอกจากนี้ดอกบางชนิดมีกลิ่นหอมน่าชื่นใจ แต่บางชนิดมีกลิ่นฉุนหรือบางชนิดไม่มีกลิ่น ความหลากหลายของดอกไม้เหล่านี้เกิดจากการที่พืชดอกมีวิวัฒนาการมายาวนาน จึงมีความหลากหลายทั้งสี รูปร่างโครงสร้าง และกลิ่น
การแบ่งประเภทของดอก โดยใช้เกสรตัวผู้เกสรตัวเมียเป็นเกณฑ์ จะแบ่งได้เป็น 2 ประเภท
1. ดอกสมบูรณ์เพศ หมายถึง ดอกที่มีทั้งเกสรตัวผู้และเกสรตัวเมียอยู่ในดอกเดียวกัน เช่น กุหลาบ พู่ระหง พริก ต้อยติ่ง กล้วยไม้ บัว มะม่วง ชบา เป็นต้น
2. ดอกไม่สมบูรณ์เพศ หมายถึง ดอกที่มีเฉพาะเกสรตัวผู้และเกสรตัวเมียเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น เช่น บวบ ฟักทอง ตำลึง มะพร้าว มะยม ตำลึง เป็นต้น
|