<< Go Back

การสร้างงานนำเสนอที่แตกต่างกับงานของผู้อื่นนั้น จะทำให้งานนำเสนอดูเป็นเอกลักษณ์ของผู้สร้างเอง และเป็นการเพิ่มความน่าสนใจให้กับงานนำเสนอนั้นๆ ดังนั้นจึงควรออกแบบงานนำเสนอให้ดูน่าสนใจ ซึ่งการสร้างงานนำเสนอที่มีรูปแบบเฉพาะของตนเองนั้น สามารถทำได้โดยใช้คำสั่งต่างๆที่อยู่ในโปรแกรม Microsoft เพื่อกำหนดรายละเอียดต่างๆ ดังนี้

โดยปกติแล้ว ค่าเริ่มต้นของการวางแนวสไลด์จะเป็นแบบแนวนอน ซึ่งเป็นรูปแบบการวางแนวที่นิยมใช้กันทั่วไป แต่หากต้องการให้สไลด์มีลักษณะเป็นแนวตั้งก็สามารถทำได้เช่นกัน ซึ่งมีวิธีการปฏิบัติดังนี้

เมื่อคลิกคำสั่ง ขนาดสไลด์แบบกำหนดเองแล้ว จะปรากฏไดอะล็อคบล็อกซ์ขนาดสไลด์ขึ้นมา ดังนี้

สไลด์ที่เริ่มสร้างใหม่ โดยปกตินั้นจะเริ่มต้นที่สไลด์หมายเลข 1 แต่ในกรณีที่สไลด์ที่สร้างขึ้นใหม่นั้น ต้องการสร้างเพื่อเป็นชุดที่ต่อจากชุดอื่นๆ ก็สามารถกำหนดหมายเลขสไลด์เริ่มต้นใหม่ตามความต้องการเพื่อให้หมายเลขสไลด์ต่อเนื่องกันได้ โดยมีขั้นตอนการปฏิบัติดังนี้

เมื่อคลิกคำสั่ง ขนาดสไลด์แบบกำหนดเองแล้ว จะปรากฏไดอะล็อคบล็อกซ์ขนาดสไลด์ขึ้นมา ดังนี้

เนื่องจากในปัจจุบันหน้าจอของคอมพิวเตอร์ได้เปลี่ยนไปมีทั้งหน้าจอปกติที่เราใช่งานกันแต่เดิม กับคอมพิวเตอร์ที่หน้าจอกว้าง หรือที่เรียกว่าจอ Widescreen ดังนั้น PowerPoint 2013 จึงได้เพิ่มคุณสมบัติใหม่คือ Slide Size เข้ามา เพื่อให้คุณเลือกหน้าจอได้ตามเหมาะสม

การเลือกขนาดสไลด์แบบ แบบ Standard (4:3) จะมีตัวเลือกวิธีการปรับเนื้อกา 2 แบบคือ Maximize (ขยายใหญ่สุด) และEnsure Fit (ให้พอดี) และสามารถกำหนดขนาดสไลด์เองได้ดังนี้

เมื่อคลิกคำสั่ง ขนาดสไลด์แบบกำหนดเองแล้ว จะปรากฏไดอะล็อคบล็อกซ์ขนาดสไลด์ขึ้นมา ดังนี้

โดยปกติพื้นหลังของสไลด์จะมาจากชุดธีมของเท็มเพลตที่เลือกมาใช้งาน แต่คุณสามารถจัดรูปแบบใหม่ได้ โดยเลือกคำสั่ง Format Background เข้ามา แล้วเลือกได้หลายแบบดังนี้

สีแบบ เติมแบบไล่สีระดับสี Gradient fill โดยคลิกเลือกสีที่จะนำมาไล่ระดับกันได้

Picture or texture fill เลือกลายพื้นผิว โดยเลือกลายจากหัวข้อ Texture และเลือกความโปร่งใส่ในหัวข้อ Transparency

Pattern Fill เลือกใส่พื้นหลังด้วยลวดลายแบบต่างๆ โดยเลือกลายจากหัวข้อ Foreground และเลือกสีพื้นจากหัวข้อ Background

ภายในโปรแกรม PowerPoint จะประกอบไปด้วยชุดรูปแบบของสไลด์รูปแบบต่างๆ ซึ่งเมื่อเลือกใช้รูปแบบที่โปรแกรมมีให้แล้ว จะเป็นการเปลี่ยนลักษณะของสไลด์และโคร่งร่าง ทั้งหมดเช่น ลักษณะพื้นหลัง ชุดสี แบบอักษร และลักษณะพิเศษของชุดรูปแบบในครั้งเดียว ซึ่งจะทำให้สไลด์มีรูปแบบที่กลมกลืนและสอดคล้องกันทุกๆสไลด์ในงานนำเสนอ และการกำหนดชุดรูปแบบนั้นจะมีผลกับรูปร่าง และอักษรศิลป์อีกด้วย ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

เมื่อคลิกแล้ว จะปรากฏกลุ่มคำสั่งของชุดรูปแบบขึ้นมา ซึ่งจะประกอบด้วยคำสั่งย่อยๆ ดังนี้

ในโปรแกรม PowerPoint จะมีลักษณะของพื้นหลังให้เลือกหลายรูปแบบ ซึ่งเมื่อเลือกแล้ว สไลด์ก็จะเปลี่ยนพื้นหลังไปตามแบบที่เลือก และจะมีบางลักษณะที่สไลด์หน้าแรกและหน้าถัดไปจะมีลักษณะไม่เหมือนกัน แต่จะมีรูปแบบ และสีที่สอดคล้องกลมกลืนกัน ทำให้งานนำเสนอดูเป็นชุดเดียวกัน ซึ่งการเลือกพื้นหลังให้กับสไลด์มีวิธีการดังนี้

ลักษณะของชุดธีมอื่นๆ เมื่อเราคลิกปุ่มดูลักษณะอื่นๆ มีดังนี้

หลังจากสร้างพรีเซนเตชันจากชุดธีมใดๆ ที่คุณได้เลือกไว้ ก็จะได้สไลด์ตามสีของธีมที่เลือกครั้งแรก แต่คุณสามารถเปลี่ยนชุดธีมใหม่ได้ตามความชอบ

คุณสามารถเลือกเมาส์พอยน์เตอร์ไปวางบนชุดโทนสี แล้วดูหน้าตาสีบนสไลด์ก่อนได้ หากต้องการใช้รูปแบบไหน ก็คลิกเลือก หรือจะคลิกเลื่อนดูทีละสีก่อนก็ได้

โปรแกรมจะกำหนดชุดสีให้กับรูปแบบของพื้นหลังต่างๆเอาไว้แล้ว แต่ในกรณีที่ไม่ต้องการชุดสีที่โปรแกรมจัดไว้ให้ในรูปแบบที่เลือกไป ผู้เรียนก็สามารถที่จะกำหนดชุดสีอื่นๆให้กับรูปแบบที่เลือกไว้ได้ตามความต้องการอีกด้วย ซึ่งมีขั้นตอนการปฏิบัติดังนี้

แบบอักษรของชุดรูปแบบจะประกอบด้วย แบบอักษรของหัวเรื่อง และแบบอักษรของเนื้อความ ซึ่งชุดรูปแบบแต่ละชุดก็จะถูกกำหนดรูปแบบอักษรเอาไว้แล้วเช่นกัน แต่หากไม่ต้องการแบบอักษรที่โปรแกรมกำหนดไว้ ก็สามารถกำหนดแบบอักษรใหม่ให้กับรูปแบบที่เลือกได้ตามต้องการ ซึ่งการเปลี่ยนแบบอักษรของชุดรูปแบบมีดังนี้

ลักษณะพิเศษของชุดรูปแบบคือ ชุดของเส้นและการเติมลักษณะพิเศษของรูปร่าง ซึ่งแต่ละชุดของลักษณะพิเศษก็จะถูกกำหนดไว้ในรูปแบบของพื้นหลังแล้วเช่นกัน ซึ่งหากไม่ต้องการชุดของลักษณะพิเศษที่โปรแกรมกำหนดเอาไว้ ก็สามารถเปลี่ยนชุดลักษณะพิเศษเองได้เช่นกัน ซึ่งการเปลี่ยนลักษณะพิเศษของรูปแบบที่เลือกไว้ มีวิธีการปฏิบัติดังนี้


เมื่อทำการออกแบบสไลด์ หรือสไลด์ไปแล้ว ถัดมาจะเป็นเทคนิคการจัดการสไลด์ที่ควรรู้ และเป็นประโยชน์ต่อการใช้งานโปรแกรม Microsoft PowerPoint 2013 ซึ่งจะทำให้การจัดทำสไลด์ง่ายขึ้น และมีความสะดวกยิ่งขึ้น และยังเป็นการทำให้สไลด์มีเอกลักษณ์เฉพาะที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งเทคนิคต่างๆนั้นมีรายละเอียดดังนี้

การแก้ไขแบบสไลด์ในหัวข้อที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าจะแก้ไขต้นแบบสไลด์แบบใดอยู่ รูปแบบของต้นแบบนั้นก็จะฝังอยู่ในไฟล์พรีเซนต์นั้น แต่คุณสามารถนำธีมรูปแบบนั้นไปใช้งานกับสไลด์ไฟล์อื่น ๆได้ ด้วยการเก็บบันทึกธีมนี้ไว้ในกลุ่มชุด Theme บนแท็บ ออกแบบ

เมื่อคลิกเลือก บันทึกธีมปัจจุบัน แล้ว จะปรากฏไดอะล็อคบล็อกซ์ บันทึกธีมปัจจุบัน ดังนี้

หากคุณเปิดไฟล์พรีเซนต์อื่นอยู่ สามารถคลิกเปิดรายการชุดธีมขึ้นมาเลือกธีมใหม่ ที่เก็บบันทึกไว้มาใช้งานได้ โดยจะมีชื่อแสดงในกลุ่มธีม Custom (กำหนดเอง)

นอกจากนำชุดธีมที่เก็บบันทึกไปใช้กับไฟล์พรีเซนต์ที่เปิดอยู่แล้ว คุณสามารสร้างไฟล์พรีเซนต์ใหม่แบบว่างๆ แล้วเลือกชุดธีมนี้ไปใช้กับไฟล์ใหม่ได้เช่นกัน

Slide Master คือ ส่วนหนึ่งของต้นแบบสไลด์ (Template) โดยมีหน้าที่เก็บข้อมูลมาตรฐานของโปรแกรม PowerPoint เช่น ขนาดและแบบของตัวอักษร , รูปแบบของหัวข้อย่อย ,ตำแหน่งและกรอบของออบเจ็กต์ต่างๆ รวมไปถึงพื้นหลังและสีบนสไลด์

ซึ่งหากทำการแก้ไขข้อมูลต่างๆของ Slide Master แล้ว ต้นแบบสไลด์อื่นๆก็จะเปลี่ยน แปลงค่ามาตรฐานตาม Slide Master ไปด้วย และการเปลี่ยนแปลงนี้จะมีผลกับออบเจ็กต์ของทุกๆสไลด์ที่เรียกใช้ต้นแบบนั้นอยู่ ทำให้งานนำเสนออยู่ในรูปแบบเดียวกัน ซึ่งจะกำหนดค่าที่ Slide Master ที่เดียว หรือหากต้องการให้ต้นแบบสไลด์อื่นๆมีค่าที่แตกต่างกับ Slide Master ก็สามารถกำหนดค่าที่ต้นแบบสไลด์นั้นๆเองได้เช่นกัน ซึ่งวิธีการกำหนดค่าของสไลด์ Slide Master และต้นแบบสไลด์อื่นๆมีขั้นตอนดังนี้

จากนั้นจะปรากฏมุมมองของต้นแบบสไลด์ขึ้นมา ซึ่งประกอบด้วย Slide Master และสไลด์ต้นแบบอื่นๆ ดังนี้

นอกจากจะเปลี่ยนลักษณะของตัวอักษรแล้ว อาจเปลี่ยนสีพื้นหลังของ Slide Master เพิ่มอีกด้วยก็ได้ ซึ่งเมื่อทำการเปลี่ยนสีพื้นให้กับ Slide Master แล้ว สีพื้นหลังของสไลด์ต้นแบบอื่นๆก็จะเปลี่ยนสีตามเช่นกัน ดังนี้

ในกรณีที่ต้องการให้งานนำเสนอที่สร้างขึ้นมีวันที่ , หมายเลขสไลด์ และข้อความอื่นๆ เช่น ชื่อของผู้จัดทำสไลด์ หรือชื่อของบริษัท ปรากฏอยู่ในส่วนหัว หรือ ส่วนท้ายของสไลด์นั้น สามารถเข้าไปกำหนดได้เหมือนกับโปรแกรม Microsoft Word เช่นกัน ซึ่งมีวิธีการปฏิบัติดังนี้

เมื่อคลิกแล้วจะปรากฏไดอะล็อคบล็อกซ์ของหัวกระดาษและท้ายกระดาษขึ้นมาให้ ซึ่งจะประกอบไปด้วยคำสั่งต่างๆ ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
1. วันที่และเวลา คือ การใส่วันที่และเวลาลงในส่วนท้ายของสไลด์ โดยจะปรากฏอยู่ด้านล่างทางซ้ายมือของสไลด์ และในหัวข้อวันที่และเวลาจะแบ่งเป็น 2 ตัวเลือก คือ - ปรับปรุงอัตโนมัติ คือ จะแสดงวันที่และเวลาจริงเมื่อเปิดสไลด์ขึ้นมา - คงที่ คือ จะแสดงวันที่ที่ระบุอยู่ในช่องว่างด้านล่างคำว่า คงที่
2. หมายเลขสไลด์ คือ จะปรากฏหมายเลขของสไลด์นั้นๆ ด้านล่างทางขวาของสไลด์
3. ท้ายกระดาษ คือ เป็นส่วนที่ให้พิมพ์ข้อความอะไรก็ได้ตามต้องการ เช่น ชื่อของผู้จัดทำ หรือ ชื่อบริษัท เป็นต้น ซึ่งจะปรากฏอยู่ที่ด้านล่างตรงกลางของสไลด์
4. ไม่แสดงบนสไลด์ชื่อเรื่อง คือ เมื่อเลือกใช้คำสั่งนี้ ส่วนต่างๆของท้ายกระดาษจะไม่ปรากฏอยู่ที่สไลด์แรกของงานนำเสนอซึ่งตำแหน่งของรายละเอียดต่างๆนั้น ก็จะขึ้นอยู่กับรูปแบบเค้าโครงของสไลด์นั้นๆด้วย
โดยวิธีการเลือกใช้คำสั่งต่างๆ ในส่วนของหัวกระดาษ และ ท้ายกระดาษ มีวิธีการดังนี้

ซึ่งเมื่อกำหนดค่าในส่วนของท้ายกระดาษเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะได้ผลลัพธ์ดังนี้

ในกรณีที่มีเนื้อหา หรือข้อมูลที่ต้องการจะนำเสนอ อยู่ในรูปแบบของไฟล์เอกสารอื่นๆ เช่น เอกสาร Word หรือ Excel ก็ยังสามารถนำข้อมูลจากไฟล์เหล่านั้นมาใส่ลงในสไลด์ได้เช่นกัน โดยมีขั้นตอนการทำดังนี้

จากนั้นจะปรากฏไดอะล็อคบล็อกการแทรกวัตถุขึ้นมาให้เลือกสิ่งที่ต้องแทรกลงในสไลด์ ดังนี้

จากนั้นโปรแกรมจะให้เลือกตำแหน่งที่เก็บไฟล์ข้อมูลที่จะทำการแทรกลงในสไลด์ ดังนี้

จากนั้นจะกลับมาที่หน้าการแทรกวัตถุอีกครั้ง และจะปรากฏตำแหน่งของไฟล์ข้อมูลที่เลือกไว้ ดังนี้

เมื่อคลิกที่ปุ่มตกลงแล้ว โปรแกรมจะทำการแทรกข้อมูลที่อยู่ในไฟล์ที่เลือกลงในสไลด์ให้ ดังนี้

ซึ่งหากต้องการแก้ไขข้อความในวัตถุนั้น ก็สามารถทำได้โดยดับเบิ้ลคลิกที่วัตถุนั้นๆ แล้วโปรแกรมก็จะปรากฏเคอร์เซอร์ขึ้นมา จากนั้นจึงค่อยทำการแก้ไขข้อความในนั้น ดังนี้

และเมื่อแก้ไขข้อความต่างๆเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้นำเมาส์มาคลิกนอกกรอบวัตถุหนึ่งครั้ง ก็จะกลับมาที่หน้าสไลด์ปกติของโปรแกรม PowerPoint ดังนี้


<< Go Back