<< Go Back

หลังจากที่เราสร้างไฟล์ชิ้นงานของเราเรียบร้อยแล้ว และพร้อมที่จะนำผลงานนี้ใช้ ซึ่งโดยปกติโปรแกรมจะนำไฟล์ชิ้นงานนี้ไปสร้างเป็นไฟล์ Flash SWF และ ไฟล์ HTML ที่สามารถนำไปแสดงผลบนเว็บบราวเซอร์ได้ทันที
สามารถเลือกให้โปรแกรมทำการสร้างไฟล์ผลงานในแบบ GIF , JPEG,  PNG, Projectorและ QuickTime เพื่อใช้ร่วมกับไฟล์ HTML เพื่อแสดงผลในบราวเซอร์ในกรณีที่ผู้ชมไม่มีโปรแกรม Flash Player 6 ติดตั้งอยู่ในระบบได้
นอกจากนี้  ยังอาจจะนำเนื้อหาในไฟล์ชิ้นงานของเรา ซึ่งอาจเป็นทั้งมูฟวี่หรือเฉพาะบางเฟรมหรือบางออบเจ็กต์ ไปสร้างเป็นไฟล์ภาพนิ่งในรูปแบบต่างๆ เพื่อนำไปใช้ และแก้ไขในโปรแกรมอื่นได้อีกด้วย


การสร้างไฟล์ผลงานของ Flash จะมีอยู่ด้วยกัน 2 ขั้นตอน คือ

  1. ทำการเลือกชนิดของไฟล์ผลงานที่ต้องการและทำการตั้งค่าให้กับไฟล์ชนิดนั้นๆ เมนูคำสั่ง File เลือกคำสั่ง Publish Settings
  2. ทำการสร้างไฟล์ผลงานด้วยเมนูคำสั่ง File เลือกคำสั่ง Publish

  3. ในส่วนของ Type เลือกชนิดของไฟล์ที่ต้องการสร้างโดยปกติโปรแกรมจะเลือกชนิดของไฟล์เป็น Flash (.swf) และ HTML (.html) ให้โดยอัตโนมัติ ทั้งนี้เพราะโปรแกรมจะต้องใช้ไฟล์ชนิดนี้ในการแสดงผลบนบราวเซอร์
    Generate Size report สร้างไฟล์ .txt ซึ่งเป็นไฟล์ข้อความที่ใช้บอกรายละเอียดแสดงขนาดของไฟล์ในแต่ละเฟรม
    Protect from Import ป้องกันไม่ให้ผู้ชมดาวน์โหลดไฟล์ไปใช้งาน
    Omit Trace Actions ป้องกันไม่ให้แสดงหน้าต่างแสดงข้อความที่กำหนด
    Debugging Permitted ป้องกันการเข้ามาแก้ไขข้อมูล
    Compress Movie บีบอัดไฟล์มูฟวี่ให้มีขนาดเล็กลง และลดเวลาในการโหลดข้อมูลลง
    Optimize for Flash เลือกเพื่อแปลงไฟล์พร้อมปรับปรุง
    Payer 6 r65 ActionScript ให้สารมารถใช้ได้กับ Flash Player เวอร์ชั่น 6 ได้ดีขึ้น (เราต้องเลือกพับลิซเป็น Flash Player เวอร์ชั่น 6 ก่อน)
    Export hidden layers ในกรณีที่มีการซ่อนเลเยอร์ไว้ ให้เอ็กซ์พอร์ตเลเยอร์ที่ถูกซ่อนอยู่ด้วย
    Export SWC ในกรณีที่มีการใช้คอมโพเนนต์ (เฉพาะไฟล์ ActionScript 3.0)เราสามารถเลือกเอ็กซ์พอร์ตไฟล์คอมโพเนนต์ (.swc) ด้วย
  4. หากต้องการตั้งชื่อไฟล์ ให้คลิกยกเลิกการเลือกในหัวข้อ Use Default name แล้วพิมพ์ชื่อไฟล์ลงในช่อง Filename ของชนิดของไฟล์นั้นๆ สามารถใส่ตำแหน่งของไฟล์ในดิสก์ได้ด้วย เช่น C:\Folder\filename.swf
  5. คลิกที่แท็บชนิดของไฟล์เพื่อไปตั้งค่าตามชนิดของไฟล์ที่เลือก
  6. เมื่อเรียบร้อยแล้ว คลิกที่ปุ่ม Publish เพื่อสร้างไฟล์ตามชนิดที่กำหนดหรือ เลือกปุ่ม OK เพื่อบันทึกการตั้งค่านี้ไว้ก่อน แล้วไปทำการสร้างไฟล์ตามที่กำหนดในภายหลังด้วยเมนูคำสั่ง File เลือกคำสั่ง Publish


การนำเสนอผลงานนามสกุล .swf ซึ่งเป็นไฟล์มูฟวี่ในรูปแบบ Flash ช่วยให้คุณสามารถกำหนดค่าต่างๆ เช่น กำหนดป้องกันไม่ให้ผู้ชมดาวน์โหลดไฟล์ไปใช้งาน กำหนดรหัสผ่านเพื่อป้องกันผู้บุกรุก กำหนดการบีบอัดไฟล์เสียง ได้ตามต้องการ สำหรับขั้นตอนการกำหนดค่าคุณสมบัติมีดังต่อไปนี้

  1. คลิกแท็บ Flash เพื่อนำเสนอผลงานนามสกุล .swf ซึ่งเป็นไฟล์มูฟวี่ในรูปแบบ Flash
  2. คลิกเลือกเวอร์ชันของโปรแกรม Flash ที่ต้องการนำไฟล์ข้อมูลไปใช้งาน จากส่วน Version
  3. คลิกให้ปรากฏเครื่องหมายถูกจากส่วนของ Options เพื่อกำหนดค่าคุณสมบัติที่ต้องการ
  4. เมื่อคลิกเครื่องหมายถูกที่ Debugging Permitted จะปรากฏ Password ขึ้นมาเพื่อให้พิมพ์รหัสผ่านที่ต้องการ
  5. ดรากส์เมาส์กำหนดคุณภาพของภาพบิตแมปจากส่วนของ JPEG Quality โดยหากกำหนดค่าตัวเลขมากภาพจะมีคุณภาพสูง และไฟล์ที่ได้จะมีขนาดใหญ่
  6. คลิกกำหนดการบีบอัดไฟล์เสียงที่เล่นตามเฟรมที่กำหนดไว้ จากส่วนของ Audio Stream
  7. คลิกกำหนดการบีบอัดไฟล์เสียงที่เล่นตามเฟรมที่กำหนดไว้ จากส่วนของ Audio Stream
  8. คลิกให้ปรากฏเครื่องหมายถูกที่ Override Sound Settings เพื่อใส่ค่าคุณภาพของไฟล์เสียงที่ได้กำหนดไว้แทนค่าอื่นๆ ที่ได้เคยกำหนดไว้
  9. คลิกปุ่ม เพื่อจัดตั้งส่งออกผลงานตามค่าที่กำหนดไว้


การนำเสนอผลงานในรูปแบบ HTML เป็นไฟล์ที่สามารถนำไปใช้งานบนอินเทอร์เน็ตได้ ซึ่งค่า
คุณสมบัติต่างๆ จะเกี่ยวข้องกับการแสดงผลบนบราวเซอร์ เช่น ขนาดหน้าต่างบราวเซอร์ ลักษณะการจัดวาง รูปแบบการแสดงผล สำหรับขั้นตอนการกำหนดค่าคุณสมบัติดังต่อไปนี้

  1. คลิกแท็บ HTML เพื่อนำเสนอผลงานนามสกุล .html ซึ่งเป็นไฟล์ที่นำไปใช้งานบนอินเทอร์เน็ต
  2. คลิกเลือกรูปแบบที่ต้องการให้แสดงผลงานบราวเซอร์ จากส่วน Template
  3. คลิกเลือกกำหนดความกว้างยาวของมูฟวี่ที่ต้องการให้แสดงบนบราวเซอร์ จากส่วนของ
    Match Movie ให้แสดงเท่ากับขนาดของมูฟวี่ที่สร้างขึ้นมา
    Pixels กำหนดความกว้างความยาวของมูฟวี่เป็นเซล
    Percent กำหนดความกว้างความยาวของมูฟวี่เป็นเปอร์เซ็นต์ของหน้าต่างบราวเซอร์
  4. คลิกให้ปรากฏเครื่องหมายถูกจากส่วนของ Playback เพื่อกำหนดการควบคุมลักษณะในการเล่นแสดงผลมูฟวี่บนบราวเซอร์
    Paused at Start ไม่เล่นมูฟวี่จนกว่าจะได้รับคำสั่ง
    Display Menu เมื่อคลิกเมาส์ขวาที่มูฟวี่ให้ปรากฏเมนูขึ้นมา
    Loop กำหนดให้เล่นต่อเนื่องกันไปเรื่อยๆ ถ้าไม่คลิกเลือกจะทำให้มูฟวี่หยุดเมื่อเล่นถึงเฟรมสุดท้าย
    Device Font ในกรณีที่ผู้ชมไม่มีตัวอักษร ให้แทนที่ด้วยตัวอักษรในรูปแบบอื่นแทน
  5. คลิกกำหนดคุณภาพของภาพที่แสดงผลบนบราวเซอร์ได้ จากส่วนของ Quality ซึ่งหากกำหนดให้ภาพมีคุณภาพสูง จะทำให้ความเร็วในการแสดงผลลดลง
    Low คุณภาพของภาพต่ำที่สุด แต่แสดงผลได้เร็วที่สุด
    Auto Low แสดงคุณภาพที่มีคุณภาพต่ำเพื่อให้แสดงผลได้เร็วก่อน จากนั้นจึงค่อยปรับให้ภาพมีคุณภาพที่สูงขึ้น
    Medium ให้ความสำคัญกับคุณภาพและความเร็วในการแสดงผลเท่าๆ กัน
    High คุณภาพของภาพดี แต่หากแสดงภาพเคลื่อนไหวการแสดงผลจะช้าลง
    Best คุณภาพของภาพดีที่สุด แต่แสดงผลได้ช้าที่สุด
  6. คลิกเลือกลักษณะของหน้าต่างมูฟวี่ที่แสดงผลงานบนบราวเซอร์ จากส่วนของ Window Mode โดยสามารถกำหนดใช้ได้กับ Internet Explorer 4 ขึ้นไปเท่านั้น
    Window แสดงผลบนหน้าต่างวินโดวส์ในลักษณะเป็นสี่เหลี่ยม ซึ่งสามารถแสดงผลได้เร็วที่สุด
    Opaque Windowless สามารถเลือกส่วนที่ซ่อนไว้อยู่ด้านหลังมูฟวี่ได้
    Transparent Windowless แสดงผลโดยให้พื้นหลังของมูฟวี่มีลักษณะโปร่งใส
  7. คลิกเลือกลักษณะตำแหน่งของมูฟวี่เมื่อแสดงผลบนขึ้นมาบราวเซอร์ จากส่วน HTML Alignment
    Default ปรากฏมูฟวี่ขึ้นมาตรงกลางของหน้าต่างบราวเซอร์
    Left ปรากฏมูฟวี่ขึ้นมาชิดด้านซ้ายของหน้าต่างบราวเซอร์
    Right ปรากฏมูฟวี่ขึ้นมาชิดด้านขวาของหน้าต่างบราวเซอร์
    Top ปรากฏมูฟวี่ขึ้นมาชิดด้านบนของหน้าต่างบราวเซอร์
    Bottom ปรากฏมูฟวี่ขึ้นมาชิดด้านล่างของหน้าต่างบราวเซอร์
  8. เมื่อพื้นที่ของมูฟวี่มีขนาดไม่เท่ากับพื้นที่ของหน้าต่างบราวเซอร์ ให้คลิกเลือกสัดส่วนของมูฟวี่ที่ต้องการได้จากส่วนของ Scale
    Default แสดงมูฟวี่ทั้งหมดโดยคงสัดส่วนเดิมไว้
    No Border แสดงมูฟวี่ทั้งหมดโดยคงสัดส่วนเดิมไว้ แต่จะไม่ปรากฏเส้นขอบขึ้นมา
    Exact Fit แสดงมูฟวี่บนพื้นที่ที่กำหนดไวโดยไม่คำนึงถึงสัดส่วนเดิม
    No Scale แสดงตามขนาดหน้าต่างโดยไม่มีการปรับเปลี่ยนสัดส่วนใดๆ ไปจากเดิม
  9. คลิกเลือกลักษณะการจัดวางมูฟวี่จากส่วนของ Flash Alignment
    Horizontal แสดงมูฟวี่ตามแนวนอน
    Vertical แสดงมูฟวี่ตามแนวตั้ง
  10. คลิกให้ปรากฏเครื่องหมายถูกจากส่วนของ Show Warning Messages เพื่อกำหนดให้แสดงข้อความเตือนเมื่อมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น
  11. คลิกปุ่ม เพื่อจัดตั้งส่งออกผลงานตามค่าที่กำหนดไว้


เมื่อต้องการนำเสนอผลงานในลักษณะเป็นแอนิเมชันคือ มีการเคลื่อนไหวไปเรื่อยๆ การนำเสนอผลงานในรูปแบบ GIF เป็นรูปแบบที่เหมาะสมที่สุด เนื่องจากสามารถกำหนดจำนวนในการแสดงภาพเคลื่อนไหวได้ กำหนดความโปร่งใสในการแสดงผล ให้แสดงค่าสีที่ใกล้เคียงขึ้นมาแทนได้ ฯลฯ สำหรับขั้นตอนการกำหนดค่าคุณสมบัติมีดังต่อไปนี้

  1. คลิกแท็บ GIF เพื่อนำเสนอผลงานนามสกุล .gif ซึ่งเป็นไฟล์ภาพเคลื่อนไหว
  2. กำหนดขนาดความกว้างยาวของภาพ จากส่วนของ Dimensions
  3. คลิกเลือกรูปแบบของผลงานที่ได้จากส่วนของ Playback
  4. คลิกให้ปรากฏเครื่องหมายถูกจากส่วนของ Options เพื่อกำหนดค่าคุณสมบัติที่ต้องการ
  5. คลิกเลือกความโปร่งใสของพื้นหลัง
  6. คลิกเลือกการแสดงค่าสีที่ใกล้เคียงแทนสีที่ไม่มี จากส่วนของ Dither
  7. คลิกเลือกชนิดของสีที่ใช้งาน จากส่วนของ Palette Type
  8. กำหนดจำนวนสีสูงสุดที่ใช้งาน จากส่วนของ Max Colors
  9. เมื่อคลิกเลือกชนิดของสีเป็น Custom จะปรากฏ Palette ขึ้นมาเพื่อให้คลิกนำตารางสีที่ต้องการเข้ามาใช้งาน
  10. คลิกปุ่ม เพื่อจัดตั้งส่งออกผลงานตามค่าที่กำหนดไว้


หากไฟล์ภาพที่มีจำนวนค่าสีมากๆ การนำเสนอผลงานในรูปแบบ JPEG เป็นรูปแบบที่รองรับกับการทำงาน ดังกล่าวช่วยให้สามารถกำหนดคุณภาพของภาพได้ตามต้องการ โดยหากกำหนดให้ภาพมีคุณภาพที่สูง ไฟล์ที่ได้ก็จะมีขนาดใหญ่มากยิ่งขึ้น สำหรับขั้นตอนการกำหนดค่าคุณสมบัติมีดังต่อไปนี้

  1. คลิกแท็บ JPEG เพื่อนำเสนอผลงานนามสกุล .jpg ซึ่งเหมาะสำหรับภาพที่มีจำนวนสีมากๆ
  2. กำหนดขนาดความกว้างยาวของภาพ จากส่วนของ Dimensions
  3. ดรากส์เมาส์กำหนดคุณภาพของภาพที่ได้ จากส่วนของ Quality โดยหากกำหนดค่าตัวเลขมาก ภาพจะมีคุณภาพสูง และไฟล์ที่ได้จะมีขนาดใหญ่
  4. คลิกให้ปรากฏเครื่องหมายถูกที่ Progressive ไฟล์ภาพที่ได้จะค่อยๆ ถูกดาวน์โหลดขึ้นมาเมื่อแสดงผลบนบราวเซอร์
  5. คลิกปุ่ม เพื่อจัดตั้งส่งออกผลงานตามค่าที่กำหนดไว้

การนำเสนอผลงานในรูปแบบ PNG เหมาะสำหรับภาพที่ต้องการให้มีความโปร่งใสหรือความโปร่งแสงเกิดขึ้นโดยสามารถกำหนดค่าความละเอียดยิ่งขึ้น เลือกรูปแบบชนิดของสีที่ใช้งานได้ สำหรับขั้นตอนการกำหนดค่าคุณสมบัติดังต่อไปนี้

  1. คลิกแท็บ PNG เพื่อนำเสนอผลงานนามสกุล .png ซึ่งเหมาะสำหรับภาพที่ต้องการให้มีความโปร่งใส
  2. กำหนดขนาดความกว้างยาวของภาพ จากส่วนของ Dimensions
  3. คลิกเลือกค่าความละเอียดของสีที่ปรากฏบนภาพเป็นจำนวนบิตต่อพิกเซล จากส่วนของ
    8-bit แสดงภาพ 8 บิต ใช้ค่าสี 256 สี
    24-bit แสดงภาพ 24 บิต
    24-bit with Alpha แสดงภาพพร้อมค่าโปร่งใส 24 บิต
  4. คลิกให้ปรากฏเครื่องหมายถูกจากส่วนของ Options เพื่อกำหนดค่าคุณสมบัติที่ต้องการ
    Optimize Colors ลบสีที่ไม่ได้ใช้ออกจากตารางสีของ GIF เพื่อช่วยลดขนาดของไฟล์
    Dither Solids ให้แสดงสีที่ใกล้เคียง ในกรณีไม่มีสีที่ต้องการ
    Interlace แสดงภาพพื้นก่อนที่ไฟล์ทั้งหมดจะถูกดาวน์โหลด ซึ่งจะทำให้มีลักษณะเหมือนภาพค่อยๆ ปรากฏขึ้นมา
    Remove Gradients ลบการไล่เฉดสีทั้งหมดให้แสดงเป็นสีธรรมดา
    Smooth ให้ภาพมีความราบเรียบละเอียดมากยิ่งขึ้น
  5. คลิกเลือกการแสดงค่าสีที่ใกล้เคียงแทนสีที่ไม่มี จากส่วนของ Dither
    None ไม่แสดงค่าสีที่ใกล้เคียงใดๆ ขึ้นมาให้
    Ordered ภาพที่แสดงจะมีคุณภาพพอใช้ และไม่สิ้นเปลืองหน่วยความจำ
    Diffusion ภาพที่แสดงจะมีคุณภาพดี แต่สิ้นเปลืองหน่วยความจำ
  6. คลิกเลือกชนิดของสีที่ใช้งาน จากส่วน Palette Type
    Web 216 ใช้สีมาตรฐานบนเว็บ 216 สี
    Adaptive วิเคราะห์และสร้างตารางสีขึ้นมาใหม่
    Web Snap Adaptive วิเคราะห์และสร้างตารางสีขึ้นมาใหม่ โดยเปรียบเทียบจาก Web 216
    Custom สร้างตารางสีขึ้นมาใช้งานเอง
  7. กำหนดจำนวนสีสูงสุดที่ใช้งาน จากส่วนของ Max Colors
  8. เมื่อคลิกเลือกชนิดของสีเป็น Custom จะปรากฏ Palette ขึ้นมาเพื่อให้คลิกนำตารางสีที่ต้องการเข้ามาใช้งาน
  9. คลิกเลือกลักษณะวิธีการกรอง จากส่วนของ Filter Options สำหรับการกรองนี้จะมีประโยชน์ในการบีบอัดไฟล์ให้มีขนาดเล็กลง และสามารถนำไปใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  10. คลิกปุ่ม เพื่อจัดส่งออกผลงานตามค่าที่กำหนดไว้


วิธีการ Export เพื่อนำเสนอส่งออกผลงานแตกต่างจากวิธีการ Publish คือ การ Export จะไม่
สามารถแก้ไขค่าคุณสมบัติต่างๆ ได้ และสามารถ Export ได้เพียงครั้งละ 1 รูปแบบ เช่น GIF, JPEG, PNG, BMP, PICT ,QuickTime AVI เท่านั้น แต่การ Export จะมีรูปแบบไฟล์ที่ให้เลือกใช้งานเป็นจำนวนมากกว่าการ Publish
การ Export สามารถทำได้ 2 รูปแบบ คือ การ Export Movie และการ Export Image สำหรับข้อ
แตกต่างระหว่างทั้ง 2 รูปแบบ คือ ไฟล์ที่ได้การ Export Movie จะเป็นภาพเคลื่อนไหว แต่ไฟล์ที่ได้จากการ Export Image จะเป็นภาพนิ่ง แต่หากมีผลงานที่เป็นภาพเคลื่อนไหวและไปทำการ Export Image ไฟล์ที่ได้จะเป็นภาพนิ่งต่อเนื่องกันหลายๆ ไฟล์ขึ้นมา

ขั้นตอนการ Export ผลงานในรูปแบบ Movie
เมื่อสั่งคำสั่ง Export Movie จะปรากฏไดอะล็อกบ็อกซ์ Export Movie ซึ่งมีรูปแบบไฟล์ในการส่งออกที่เป็นภาพเคลื่อนไหวและไฟล์ในรูปแบบอื่นๆ ขึ้นมาให้เลือกใช้มากมายหลากหลายไฟล์ เช่น WAV ซึ่งเป็นไฟล์เสียง AVI เป็นไฟล์มูฟวี่สำหรับวินโดวส์ เป็นต้น สำหรับขั้นตอนการกำหนดค่าคุณสมบัติมีดังต่อไปนี้

  1. คลิกเมนู File เลือก Export แล้วคลิกเลือกคำสั่ง  Export Movie จากนั้นจะปรากฏไดอะล็อกบ็อกซ์ Export Movie ขึ้นมา
  2. คลิกเลือกรูปแบบไฟล์ที่ต้องการส่งออกผลงาน จากช่อง Save as Type
  3. คลิกปุ่ม เพื่อจัดตั้งส่งออกผลงานในรูปแบบต่างๆ ตามที่กำหนดไว้


ขั้นตอนการ Export ผลงานในรูปแบบ Image
คำสั่ง Export Image ผลงานที่ได้จะเป็นไฟล์ภาพนิ่ง และสำหรับการ Export Image ไฟล์ที่ได้จะมีรูปแบบให้เลือก ใช้งานน้อยกว่าการ Export Movie แต่หากมีการนำภาพเคลื่อนไหวที่สร้างขึ้นมาสั่ง Export Movie ไฟล์ที่ได้จะเป็นภาพนิ่ง เรียงต่อกันขึ้นมาเป็นจำนวนมากมาย สำหรับขั้นตอนการกำหนดค่าคุณสมบัติมีดังต่อไปนี้

  1. คลิกเมนู File เลือก Export แล้วเลือกคำสั่ง  Export Image จากนั้นจะปรากฏไดอะล็อกบ็อกซ์ Export Image ขึ้นมา
  2. คลิกเลือกรูปแบบไฟล์ที่ต้องการส่งออกผลงาน จากช่อง Save as type
  3. คลิกปุ่ม เพื่อจัดตั้งส่งออกผลงานในรูปแบบต่างๆ ตามที่กำหนดไว้

  1. ทำการตั้งค่าการสร้างไฟล์ตามต้องการด้วยคำสั่ง File > Publish Settings
  2. เลือกคำสั่ง File > Publish Preview แล้วเลือกชนิดของไฟล์ที่จะดูผล

โปรแกรมจะทำการสร้างไฟล์ชนิดนั้นขึ้นในโฟลเดอร์เดียวกับไฟล์ชิ้นงานของ Flash (.fla) นั้นเพื่อแสดงผล


<< Go Back